วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

การทอผ้าไหมเพื่อธุรกิจ

     

การจัดการไหมแรกฟัก

การจัดการไหมแรกฟัก
       นำแผ่นไข่ไหมที่ผ่านการกกมาเรียบร้อยแล้ว มาวางบนกระด้งเลี้ยงไหมเพื่อพร้อมเปิดเลี้ยงไหมในวันรุ่งขึ้น แผ่นไข่ไหมจะถูกห่อหุ้มด้วยกระแก้วขาวขุ่นอยู่ชั้นใน ส่วนชั้นนอกจะห่อด้วยกระดาษดำ ในช่วงเช้าตรู่ประมาณ05.00น. ให้ทำการแกะกระดาษดำออกเพื่อให้ไข่ไหมได้รับแสงสว่าง ไข่ไหมจะเริ่มแตกเพื่อให้ตัวอ่อนออกจากไข่ ปล่อยให้ได้รับแสงประมาณ5-6 ชั่วโมง คือเวลาประมาณ10.00-11.00 น. ก็ให้เปิดกระดาษห่อแผ่นไข่ไหมชั้นในออก ทำการโรยสารพาราฟอร์มาดีไฮด์ผงความเข้มข้ประมาณ3เปอร์เซนต์ ให้ทั่วตัวไหม ให้นำใบหม่อนที่หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ขนาดประมาณ 0.5 x 0.5เซนติเมตร ประมาณ 40 กรัม ไปโรยให้หนอนไหมกิน ประมาณ 10-15 นาที  แล้วท าการเคาะแผ่นไข่ไหมด้านตรงข้ามกับด้านที่มีตัวหนอนไหมอยู่  เพื่อให้หนอนไหมล่วงลงในกระด้งเลี้ยงไหมที่เตรียมไว้  จากนั้นใช้ขนไก่ปัดตัวหนอนไหมที่เหลืออยู่ที่แผ่นให้ไปอยู่รวมกันบนกระด้ง


การสาวไหม
               การสาวไหม คือ การดึงเส้นใยออกจากรังไหมให้ได้ขนาดตามต้องการในการทอผ้า ใประเทศไทยมีการสาวไหมแบบพื้นเมืองมานานแล้ว เป็นการสาวไหมด้วยมือ ซึ่งแบ่งเกรดเส้นไหมได้ 3 ชนิด คือ
                1.  เส้นไหมหนึ่งหรือเส้นไหมยอดหรือไหมน้อย ได้แก่เส้นไหมที่ได้จากการสาวเส้นใยชั้นในของรังไหม การสาวไหมยอด คือ การเอาปุ้ยและเส้นใยชั้นนอกของรังไหมออกก่อน แล้วจึงสาวเอาแต่เพียงเส้นใยชั้นในเท่านั้น เส้นไหมที่ได้จะมีลักษณะเส้นเล็ก ละเอียด และเรียบ ส่วนมากนิยมใช้แทนเส้นไหมยืนในการทอผ้าไหม
             2.  เส้นไหมสองหรือเส้นไหมสาวเลย ได้แก่ เส้นไหมที่ได้จากการสาวควบกันทั้งปุยและเส้นใยทั้งหมดให้เสร็จคราวเดียวกัน ลักษณะเส้นไหมที่สาวได้หยาบและเส้นใหญ่กว่าไหมหนึ่งใช้เป็นเส้นไหมพุ่งได้เพียงอย่างเดียว
            3.  เส้นไหมสามหรือเส้นไหมลืบ ได้แก่ เส้นไหมที่ได้จากการสาวเส้นใยชั้นนอกลักษณะเส้นไหมที่สาวได้จะเป็นเส้นหยาบและเส้นใหญ่กว่าไหมสอง



วิธีการสาวไหม 
          ทำได้โดยการต้มตัวไหม โดยใช้หม้อขนาดวัดโดยรอบประมาณ 25 นิ้ว ปากหม้อนั้นครอบด้วยไม้โค้งคล้ายห่วงของถังไม้และใช้ไม้ลักษณะแบนเจาะรูตรงกลางพาดระหว่างห่วงทั้งสองข้าง และเหนือไม้แบนๆ นี้ มีไม้รอกคล้ายจักรที่ให้หนูถีบ ซึ่งจักรมีลักษณะเป็นรูปกลมๆ จากนั้นเอาฝักไหมที่จะสาวใส่ลงไปในหม้อ ระหว่างที่รอให้คน ประมาณ 2 - 3 ครั้ง ให้รังไหม สุกทั่วกัน แล้วเอาแปรงชะรังไหมเบาๆ เส้นไหมก็จะติดแปรงขึ้นมา จึงนำมาสอดที่รูตรงกลางของไม้ระหว่างห่วงทั้งสองข้าง และสาวให้พ้นรอก 1 รอบ จากนั้นเวลาสาวไหม จะใช้มือทั้งสองข้าง โดยมือหนึ่งสาวไหมจากรอกลงภาชนะที่รองรับเส้นไหม ส่วนอีกมือหนึ่งถือไม้อันหนึ่งเรียกว่า "ไม้ขืน" 





การฟอกย้อมสีไหม

การฟอกย้อมสีไหม
           เส้นไหมประกอบขึ้นด้วยโปรตีน 2 ส่วนคือส่วนที่เป็นเส้นใยไหมเรียกว่าไฟโบรอินซึ่งมีอยู่ประมาณ 62.5 –67.0% และกาวไหมเรียกว่าเซริซินซึ่งมีอยู่ประมาณ 2327.5% นอกจากนั้นคือส่วนประกอบอย่างอื่นได้แก่ไขมันน้้ามันแร่ธาตุต่างๆ ที่ปรากฏตามธรรมชาติและน้้าเป็นต้นในการฟอกย้อมสีไหม อันดับแรกที่จะต้องท้าก็คือการฟอกกาวของเส้นไหมเพื่อขจัดกาวและสิ่งสกปรกต่างๆ ออก ทั้งนี้จะต้องค้านึงถึงเส้นไหมที่จะน้ามาฟอกด้วยเนื่องจากเส้นไหมที่จะน้ามาฟอกด้วยเนื่องจากเส้นไหมที่ได้จากไหมพันธุ์ต่างๆ จะมีเปอร์เซ็นต์ของกาวที่ไม่เท่ากัน ดังนั้นระยะเวลาในการต้มฟอกกาวจะแตกต่างกันไปด้วย ซึ่งจะต้องพิจารณาดูจากเส้นไหมที่ฟอกขาว นอกจากนี้ขนาดเข็ดหรือไจของเส้นไหมที่จะน้ามาฟอกย้อมควรจะมีขนาดพอเหมาะคือโดยประมาณ 100 กรัม/เข็ด หากขนาดของเข็ดเส้นไหมมีขนาดใหญ่จนเกินไปจะก่อให้เกิดปัญหาในการฟอกย้อมคือ ท้าให้การฟอกกาวออกจากเส้นไหมไม่สม่้าเสมอ โดยเฉพาะเส้นไหมที่อยู่ด้านในของเข็ดก็จะมีเปอร์เซ็นต์กาวติดอยู่มากกว่าด้านนอก การกระตุกเส้นไหมเพื่อให้เรียงเส้นก็ท้าให้ยาก เส้ นไหมอาจพันกันยุ่งเมื่อท้าการย้อมสีก็จะท้าให้เส้นไหมทั้งเส้นเข็ดย้อมติดสีไม่สม่้าเสมอกันตลอดทั้งผืน  ส่งผลกระทบท้าให้ผ้าไหมไม่ได้มาตรฐาน

 วิธีฟอกไหม 
         สีไหมตามธรรมชาตินั้นจะมีสีเหลืองอ่อน เหลืองแก่ เเละสีจะไม่เสมอกันถ้าต้องการจะย้อมไหมเป็นสีต่าง ๆ ต้องฟอกไหมให้ขาวเสียก่อน การฟอกไหมนั้นจะใช้น้้าด่างฟอก น้้าด่างนี้ท้าได้โดยใช้ต้นไม้พื้นเมือง เช่น ผักขม  (หรือผักหมในภาษาอีสาน) ก้านกล้วย ใบกล้วย งวงตาล ไม้เพกา (ต้นลิ้นฟ้า) ไม้ขี้เหล็กอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ น้ามาเผาให้เผ็นถ่านเถ้า แล้วเอาถ่านเถ้านี้เเช่น้้าเป็น น้้าด่าง เมื่อได้น้้าด่างใสดีแล้วจึงเอาไหมที่จะฟอกไปเเช่  จากนั้นน้าไหมไปต้มแล้วล้างด้วยน้้าเย็น จากนั้นผึ่งให้แห้ง ถ้ายังเห็นว่าไหมยังขาวไม่ได้ที่  ก็ให้น้าไปเเช่ในน้้าด่างแล้วต้มอีกครั้งหนึ่ง


วัสดุอุปกรณ์ในการฟอกย้อมสีไหม ได้แก่

          - ถังฟอกย้อม ซึ่งควรเป็นโลหะเคลือบหรือโลหะที่ไม่ท าปฏิกิริยากับสารเคมี  และควรมีความลึก
พอประมาณให้เส้นไหมสามารถลงฟอกได้อย่างทั่วถึง และควรมีตะแกรงรองก้นถังเพื่อไม่ให้เส้นไหมที่ฟอกย้อมสัมผัสกับก้นภาชนะที่รับความร้อนโดยตรง
          - ห่วงฟอกย้อมเส้นไหม ส าหรับแบ่งเส้นไหมเมื่อฟอกย้อม อาจท าด้วยเหล็กเส้นขนาดประมาณ 2 หุน ดัดโค้งเป็นวง หุ้มด้วยสารบางชนิดหนา
         - สารเคมีที่ใช้ในการฟอกย้อม ได้แก่  สบู่แท้ สบู่เทียม โซดาแอส โซเดียมซัลไฟลด์ สีย้อมไหม
เกลือแกง กรดน้้าส้มเข้มข้น และผลิตภัณฑ์ส้าหรับผนึกสีย้อม


การเตรียมเส้นไหมก่อนทอ จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน

การเตรียมเส้นไหมก่อนทอ

           จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนการเตรียมเส้นยืน จะมีความยาวประมาณ  เมตรเศษทั้งนี้แล้วแต่จะต้องการผ้าไหมกี่ผืน ภายหลังจากสาวเป็นเส้นไหมแล้ว สิ่งที่ส าคัญที่จะต้องท าอย่างพิถีพิถันก็คือ

           1. การตีเกลียว เส้นไหมที่ไม่ได้ตีเกลียวจะใช้ทอไม่ได้
           2. การควบเส้น โดยมากมักจะควบอย่างน้อย 2 เส้น เพื่อให้ผ้าไหมหนาพอสมควร
           3. การฟอก เพื่อให้เส้นไหมนิ่ม ท าให้ทนทานในการใช้สอย
           4. การย้อมสี ตามความต้องการของผู้ทอว่าจะต้องการพื้นสีอะไร
          5. การเข้ากี่ การเตรียมเส้นยืน ตามที่กล่าวมานี้ ถ้าหากพิจารณาดูตามนี้ รู้สึกว่าจะไม่มากนักแต่  ขั้นตอนใน การปฏิบัติ




การเตรียมเส้นพุ่ง

         ตามปกติผ้าไหมมัดหมี่ มักจะมีการมัดเพียงเส้นพุ่งเท่านั้น  ยกเว้นผ้าอัมปรม  ซึ่งมีการมัดเส้นยืนด้วย  วิธีการขั้นต้นเช่นเดียวกันกับการเตรียมเส้นยืนข้อ 1 – 3 แต่หลังจากนั้นก็มีการมัดหมี่ตาม



การมัดหมี่ คือ

          การทำผ้าไหมให้เป็นลายและสีสันต่างๆตามแบบหรือลายที่ได้ออกแบบไว ซึ่งปัจจุบันมีทั้งแบบลายที่เป็นแบบลายโบราณและแบบที่เป็นลายประยุกต์  โดยการมัดเส้นไหมให้เป็นลวดลายที่เส้นพุ่งด้วยเชือกฟางมัดลายแล้วน าไปย้อมสี  แล้วนำมามัดลายอีกแล้วย้อมสีสลับกันหลายครั้ง เพื่อให้ผ้าไหมมีลวดลายและสีตามต้องการ เช่น ผ้าที่ออกแบบลายไว้มี 5 สี  ต้องทำการมัดย้อม 5 ครั้ง เป็นต้น






การวิเคราะห์ด้านการตลาดผ้าไหม

  การวิเคราะห์ด้านการตลาดผ้าไหม 

     ผ้าไหมไทย   เป็นผ้าไหมซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างจาก ผ้าไหมทั่วไป  กล่าวคือ  มีแสงแวววาว เป็นมันเลื่อมเนื้อผ้าฟูไม่เรียบอ่อนนุ่ม  มีน้้าหนัก  บางชนิดเป็นปุ่มปมอันเนื่องมาจากระดับคุณภาพ ซึ่งเกิดในกระบวนการผลิตแต่ก็ท้าให้ได้รับความนิยมของคนบางกลุ่ม เพราะดูแล้วมีความแปลก ตา เป็นสินค้าที่มีราคาแ พง   เนื่องจากต้องใช้ฝีมือทางการผลิตและผู้บริโภคใช้แล้วบ่งบอกถึงฐานะ รส นิยม เมื่อใช้แล้วเกิดความภาคภูมิใจในสินค้านั้น ๆ

ผลการวิเคราะห์ปรากฏว่า 

         จุดอ่อน การตลาดในจังหวัดนราฯมีผู้สนใจใช้ผลิตภัณฑ์น้อย เนื่องจากสินค้าไม่ได้รับการรับรองจากฮาลาล
        จุดแข่ง คุณภาพของผลิตภัณฑ์เป็นที่น่าพอใจของผู้ใช้เพราะเป็นสินค้าหัตกรรม ต้องมีความประณีตและต้องใช้ระยะเวลาในการผลิตซึ่งเป็นที่พอใจกับราคา
        ปัญหาและอุปสรรค์ เป็นสินค้าที่สามมารถทดแทนได้ เนื่องจากธุรกิจการทอผ้าฝ้ายได้รับความนิยมเพราะราคาถูก และเป็นผลิตภัณฑ์การทอในลักษณะเดียวกันการวิเคราะห์ด้านการตลาดผ้าไหม
         การดำเนินกลยุทธ์นี้ต้องหาความแตกต่างในตัวสินค้าต้องมีนวัตกรรมใหม่ๆมานำเสนอท าให้สินค้า
โดดเด่นกว่าสินค้าคู่แข่งในตลาด  เช่น  การท าเครื่องส าอางจากหม่อนไหมโดยค านึงถึงธรรมชาติ
เป็นหลัก  ซึ่งการสร้างความแตกต่างนั้นขึ้นอยู่กับความเร็ว  ความน่าเชื่อถือ  การบริการ  การ
ออกแบบลักษณะของสินค้า คุณภาพ และการตอบสนองของลูกค้า

ข้อเสนอแนะ

       1.ควรมีการจัดตั้งร้านค้าชุมชน OTOP เพื่อน าผลิตภัณฑ์ วางจำหน่าย
       2. พัฒนาศึกษาผลิตภัณฑ์ของตนเองโดยวางแผนร่วมกันแลกเปลี่ยนเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของผลิตภัณฑ์
       3. ส่งเสริมและสนับสนุนการบันทึกลวดลายผ้าไหมมัดหมี่ลายต่างๆ





การทอผ้าไหม

การทอผ้าไหม

         วิธีการในการทอผ้าไหม คือการน าเส้นไหมมาผ่านกรรมวิธีที่จะให้เกิดเป็นผืนผ้า โดยมีเครื่องมือคือกี่ ส่วนการทำให้เกิดลวดลายบนผืนผ้านั้นเป็นเทคนิควิธีที่จะทำให้มีความสวยงามซึ่งเทคนิคเหล่านี้ก็จะยาก-ง่าย ตามแต่ลวดลายที่ต้องการ ส่วนเทคนิคการทอผ้าไหมของชาวบ้านคือ การมัดหมี่และลายสร้อย ดอกหมาก


ลักษณะผ้าไหม ลายสร้อยดอกหมาก ที่ดี

          1. ลายผ้า ต้องมีลายเล็กละเอียด ลวดลายสวยงามสม่ำเสมอตลอดทั้งผืน และลายไม่เขย่ง
          2. สีผ้า สีสวยและสม่ำเสมอตลอดผืนไม่มีรอยด่าง
          3. เส้นไหม เป็นไหมแม้เรียบเสมอทั้งผื นด้วยด้ายพุ่งและด้ายยืน
          4. พื้นผ้า มีความละเอียดเนื้อแน่น สม่ำเสมอตลอดมาทั้งผืนไม่มีรอยโปร่งบางเป็นตอน